วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

น้ำพุร้อน

น้ำพุร้อน เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าใต้พื้นดินบริเวณนั้นมี อุณหภูมิสูง หรือบนพื้นราบที่เรายืนอยู่อาจเป็นยอดของภูเขาไฟขนาดมหึมาใต้ดินที่ยังไม่ ดับ ทำให้น้ำผิวกินเดือดจัดหรือพุ่งขึ้นมาเป็น “น้ำพุร้อน” ปัจจุบันพบแหล่งน้ำพุร้องทั่วประเทศไทย 112 แห่ง กระจายอยู่ทั่วไปตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคตะวันตก ภาคกลาง และภาคใต้ วัดอุณหภูมิน้ำร้อนที่ผิวดินอยู่ในช่วง 40 – 100 องศาเซลเซียส เรารู้จักน้ำพุร้อนอันเนื่องมาจากแหล่งท่องเที่ยวที่มหัศจรรย์     
         เราจะขอแนะนำท่านนักท่องเที่ยวซัก3ที่น่ะค่ะ

น้ำพุแจ้ซ้อน
          ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง เป็นน้ำพุร้อนที่มีสภาพการเกิดทางธรณีวิทยาที่น่าสนใจ มีกลิ่นกำมะถันค่อนข้างอ่อน มีจำนวน 9 บ่อ มีพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ พื้นที่บริเวณน้ำพุร้อนมีโขดหินน้อยใหญ่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป และมีไอน้ำลอยฟุ้งขึ้นจากบ่อปกคลุมคล้ายกับหมอกรอบบริเวณ มีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของน้ำประมาณ 73 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวนิยมนำไข่ไก่และไข่นกกระทามาแช่ ใช้เวลาแช่ประมาณ 17 นาที มีห้องอาบน้ำแร่ไว้บริการนักท่องเที่ยว มีทั้งแบบฝักบัวและแบบห้องนอนแช่ในบ่อน้ำแร่ ซึ่งอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ
          การเดินทาง
          อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อยู่ห่างจากตัวเมืองลำปางประมาณ 75 กิโลเมตร สามารถเดินทางไปได้โดย
          – เส้นทางแรก จากตัวเมืองลำปาง ไปตามทางหลวงหมายเลข 1035 (ลำปาง-วังเหนือ) จนถึงปากทางเข้าอำเภอแจ้ห่ม เลยไปประมาณ 3 กิโลเมตร ถึงกิโลเมตรที่ 58 เลี้ยวซ้ายมาตามทางหลวงหมายเลข 1287 ซึ่งผ่านอำเภอเมืองปาน และเลี้ยวไปตามทางหลวงหมายเลข 1252 (ข่วงกอม-ปางแฟน) เป็นระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายตามทาง รพช. อีกประมาณ 3 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ
          – เส้นทางที่สอง จากตัวเองลำปางไปตามทางหลวงหมายเลข 11 (ลำปาง-ห้างฉัตร) เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1157 (ลำปาง-ห้วยเป้ง-เมืองปาน) ระยะทาง 55 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1252 อีกประมาณ 11 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายตามทาง รพช. อีกประมาณ 3 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ
          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทรศัพท์ 0 2561 4292-4 ต่อ 724, 725 และอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน โทรศัพท์ 0 5438 0000, 08 9851 3355
โป่งเดือดป่าแป๋          ตั้งอยู่ในเขตบ้านแม่แสะ ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่ทางธรณีเรียกว่า “ไกเซอร์”(Geyser type) หรือน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นจากพื้นดินเป็นช่วง ๆ ตามแรงดันใต้ผิวดิน มีปริมาณมากกว่าบ่อน้ำร้อน (hot pool) ซึ่งเป็นเพียงน้ำผุดขึ้นมาเท่านั้น โป่งเดือดป่าแป๋มีบ่อขนาดใหญ่ 3 บ่อและบ่อใหญ่สุดจะมีน้ำพุพุ่งสูงขึ้นมาประมาณ 2 เมตร ทุก 30 วินาที มีความร้อนประมาณ 99 องศาเซลเซียส ใกล้บ่อใหญ่มีห้องอาบน้ำซึ่งนำน้ำร้อนจากโป่งเดือดผ่านท่อเข้ามา โดยน้ำพุร้อนมีคุณสมบัติบำรุงรักษาผิวพรรณได้ดี โป่งเดือดนี้เป็นน้ำพุร้อนประเภทกีเซอร์ซึ่งใหญ่ที่สุดของเมืองไทย
          โป่งเดือดป่าแป๋ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทางไกลประมาณ 1,550 เมตร ความลาดชันปานกลาง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง มีจุดศึกษาธรรมชาติ 11 จุด มีบริการอาบน้ำแร่เพื่อสุขภาพ มีบริการศูนย์บริการนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง โทรศัพท์ 0 5347 1669 และนักท่องเที่ยวยังสามารถเดินป่าศึกษาธรรมชาติ หรือเดินป่าไปชมหมู่บ้านกะเหรี่ยง หรือล่องแก่งแม่น้ำปายได้
          ในอุทยานฯ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 16.30 น. มีร้านอาหารและเครื่องดื่ม และมีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ-ดอยกิ่ว ลม-บ้านห้วยน้ำดัง และบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ 1-โป่งเดือดขบ้านห้วยน้ำดัง โดยต้องติดต่อสำรองห้องพักล่วงหน้าที่ 02 562 0760 และ www.dnp.go.th นอกจากนี้ ยังมีบริการเต็นท์ และสถานที่กางเต็นท์ อัตราค่าบริการอยู่ระหว่าง 250 – 800 บาท แตกต่างกันตามขนาดของเต็นท์และอุปกรณ์ กรณีที่นำเต็นท์ไปเอง ต้องเสียค่าธรรมเนียมสถานที่ 30 บาทต่อคน ต่อคืน ชุดเครื่องนอนมีบริการให้เช่าในอัตรา 150-200 บาทต่อชุด ต่อคืน
          การเดินทาง
          ใช้ถนนสายแม่มาลัย-ปาย ไปประมาณ 35 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปอีกประมาณ 6.5 กิโลเมตร เป็นทางลาดยาง สามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทางสีส้ม สายเชียงใหม่-ปาย ซึ่งจะวิ่งผ่านปากทางเข้า
          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง หมู่ที่ 5 ตำบลกี๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ 50300 โทรศัพท์ 0 5324 8491, 0 5326 3910, 08 4904 1531 หรือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โทรศัพท์ 0 5324 8604, 0 5330 2500 และ www.tatchiangmai.org
 โป่งน้ำร้อนฝาง
          ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ฝาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติเกิดจากความร้อนใต้ดิน มีไอร้อนคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา อุณหภูมิของน้ำประมาณ 40-88 องศาเซสเซียล มีจำนวนมากมายหลายบ่อในพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ (บ่อใหญ่มีไอน้ำร้อนพุ่งขึ้นสูงถึง 40-50 เมตร)
          นอกจากบ่อน้ำร้อนธรรมชาติแล้วโป่งน้ำร้อนฝางยังมีบริการหลายด้าน เช่น อาบน้ำแร่ อบน้ำแร่ มห้องเป็นส่วนแยกชาย-หญิง สำหรับน้ำที่อาบนอกจากแร่กำมะถันที่ผสมอยู่ตามธรรมชาติแล้ว ทางอุทยานฯ จะนำน้ำเย็นเข้ามาผสมในอัตราที่พอเหมาะ เพื่อลดความร้อนและลดความเข้มข้นของแร่กำมะถัน แต่คุณสมบัติน้ำพุร้อนยังมีอยู่เต็มเปี่ยม การแช่น้ำแร่จะช่วยลดอาการปวดเนื้อเมื่อยตัวจากการทำงาน เพราะการแช่น้ำแร่ร้อนจะทำให้เส้นเลือดขยายตัว เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ส่วนท่านที่ต้องการความ เป็นส่วนตัวก็มีห้องอาบวีไอพีไว้บริการ รวมทั้งห้องอาบน้ำแบบครอบครัว การใช้บริการอุทยานจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและให้คำปรึกษาตลอดเวลา
          นอกจากน้ำพุร้อนแล้ว บริเวณใกล้ ๆ กันยังมีแหล่งน้ำเย็นธรรมชาติอยู่ด้วย คือลำห้วยแม่ใจ เป็นธารน้ำที่ใสสะอาดตามธรรมชาติท่ามกลางบ่อน้ำร้อน นับว่าเป็นสิ่งที่หาดูได้ยาก ลักษณะเป็นน้ำตกเล็กๆ  ลดหลั่นกันเป็นทอดๆ  นักท่องเที่ยวที่เบื่อน้ำร้อนจะหนีร้อนมาพึ่งเย็นที่นี่กันเป็นส่วนใหญ่ ลงเล่นน้ำเย็นเพิ่มความสดชื่น ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม ชมกล้วยไม้ต่างๆ  36 สกุล 70 ชนิด คือสำหรับคนที่ชอบดูนก ก็มีให้ดูมากกว่า 200 ชนิด เช่น นกกระติ๊ดใหญ่ปีกลาย นกมุดน้ำนกขัติยา นกติ๊ดหัวแดง ฯลฯ
          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติแม่ฝาง ตู้ปณ.39 ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ 50110 โทรศัพท์ 0 5345 3517-8 ททท. สำนักงานเขตเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5324 8604, 0 5330 2500 และ www.tatchiangmai.org
          การเดินทาง
          จากตัวเมืองเชียงใหม่ไปตามทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) ถึงฝางแล้วใช้ไปตามถนนฝาง-ม่อนปิ่น ประมาณ 3 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเส้นทาง รพช.4055 ไปอีก 8 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ
          รถโดยประจำทาง มีรถประจำทางปรับอากาศของบริษัทขนส่งจำกัด และบริษัทรถร่วมเอกชน ระหว่างกรุงเทพ-ฝาง, เชียงใหม่-ฝาง เมื่อถึงอำเภอฝางจะมีรถรับจ้างคอยบริการรับส่งสู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ ฝางอีกประมาณ 10 กิโลเมตร
 น้ำพุร้อนท่าปาย
          ตั้งอยู่ในป่าแม่ปายฝั่งซ้ายตอนบนของตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน น้ำพุร้อนท่าปายเป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติจำนวน 3-5 บ่อ ลักษณะเป็นบ่อใหญ่ 3 บ่อติดกัน นอกนั้นเป็นน้ำผุดหลายจุด มีความร้อนประมาณ 80 องศาเซลเซียส พื้นที่บริเวณนี้อยู่ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง รอบ ๆ บริเวณเป็นป่าสัก มีสภาพธรรมชาติโดยรอบสวยงาม มีธารน้ำร้อนไหลผ่าน ซึ่งสามารถลงไปแช่ได้อย่างสบาย นักท่องเที่ยวตั้งเต็นท์พักแรมได้ แต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ
          เส้นทางปาย-น้ำพุร้อนท่าปาย เป็นเส้นทางจักรยานง่าย ๆ สบาย ๆ สำหรับการขี่จักรยานในเมืองปาย ด้วยระยะทางเพียงไม่เกิน 10 กิโลเมตร ควรออกจากเมืองปายตอนเช้าเริ่มจากที่พัก ตรวจสภาพจักรยานก่อนออกเดินทางให้เรียบร้อย ตรวจสอบเส้นทางกับแผนที่ เริ่มเดินทางโดยขี่ไปที่สี่แยกกลางเมือง เลี้ยวซ้ายผ่านหน้าโรงเรียนปายวิทยาคาม ข้าม สะพานข้ามแม่น้ำปาย จะแวะชมแม่น้ำปายซักพักก็ได้ จากสะพานไปเส้นทางเริ่มขึ้นเนินชันไปเรื่อย ๆ แต่ถนนยังคงเป็นถนนคอนกรีตอย่างดี ขี่ต่อไปอีกนิดจะพบทางแยกขึ้นอ่างเก็บน้ำแม่เย็น เส้นทางตรงนี้ไปจะมองเห็นทุ่งนาขั้นบัน ไดเป็นฉากหลังสวยงามมาก
          จากปากทาง เส้นทางจะนำเข้าสู่หมู่บ้านแม่ฮี้ แต่มีทางแยก จะเข้าหรือไม่เข้าหมู่บ้านก็ได้ เพราะทางจะไปบรรจบกันเอง จากหมู่บ้านยังคงเป็นทางลาดยาง ผ่านท้องทุ่งนาที่สวยงาม จนกระทั่งไปพบหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งคือหมู่บ้านโป่งไหม้ ที่แห่งนี้มีช้างให้ขี่ท่องเที่ยวในป่า ถ้ามีเวลาจะลองไปขี่ช้างดูก็จะดีไม่น้อย เป็นเส้น ทางที่สวยงามมาก ราคาขี่ช้างจะคิดเพียงแค่ 200 บาทเท่านั้น จากที่ขึ้นช้างกลางหมู่บ้านอีกหน่อยเดียวก็ถึงปาก ทางเข้าน้ำพุร้อนท่าปาย มีป้ายบอกทางชัดเจน
          อำเภอปายมีเกสเฮ้าส์มากมายหลายราคาให้เลือก และมีบริการให้เช่าจักรยานคิดเป็นรายวันอีกด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอน ที่ว่าอำเภอเมืองฯ (หลังเก่า) โทรศัพท์ 0 5361 2982-3
          การเดินทาง
          จากอำเภอเมืองปายใช้ทางหลวงหมายเลข 1095 (ปาย-แม่มาลัย) ข้ามสะพานแม่น้ำปาย ถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 87-88 แยกเข้าไปอีก 2 กิโลเมตรตามทางเข้าบ้านท่าปาย เป็นทางลาดยางตลอดทั้งสาย

ฤดูหนาวมาแล้ว

ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้น่ะค่ะเราก็ควรออกไปเที่ยวรับลมหนาวกันน่ะค่ะไปต้องที่ประเทศอื่นค่ะ  แค่ในประเทศเรานี่ก็สวยกว่าที่อื่นเยอะน่ะค่ะ ถ้ายังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ดิฉันจะของนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจน่ะค่ะ

1. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
ชื่อนี้มักจะติดเป็นอันดับต้น ๆ ของการท่องเที่ยว เดิมชื่อว่า ดอยหลวง หรือ ดอยอ่างกา ดอยหลวง หมายถึงภูเขาที่มีขนาดใหญ่ ส่วนที่เรียกว่า ดอยอ่างกานั้น เพราะมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่งลักษณะเหมือน อ่างน้ำ มีฝูงกาไปเล่นน้ำกันมากมาย จึงเรียกว่า อ่างกา หรือ ดอยอ่างกา

ดอยอินทนนท์ เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย (2,599 เมตร) จึงทำให้มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปี สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ มี น้ำตกแม่ยะ น้ำตกแม่กลาง น้ำตกวชิรธาร น้ำตกสิริภูมิ ถ้ำบริจินดา โครงการหลวงอินทนนท์ และ เส้นทางศึกษาธรรมชาติหลายจุด




2. ดอยอ่างขาง
เป็นที่ตั้งสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ภายในสถานีมีโครงการวิจัยผลไม้ ไม้ดอกเมืองหนาว งานสาธิตพืชไร่ แปลงทดลองปลูกไม้ผลเมืองหนาว สวนบอนไซ มีการจำหน่ายผลิตผลพืชผักเมืองหนาวที่ปลูก ในบริเวณโครงการ ฯ ให้แก่นักท่องเที่ยวตามฤดูกาล ในสถานี ฯ มีที่พัก และมีสถานที่กางเต็นท์บริการแก่นักท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ


3. เขาค้อ – อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์
เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ชื่อว่าเขาค้อเป็นเพราะ ป่าบริเวณนี้มีต้นค้อขึ้นอยู่มาก เนื่องจากภูมิอากาศบนเขาค้อเย็นตลอดปี ค่อนข้างเย็นจัดในฤดูหนาว และมีทัศนียภาพสวยงาม จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง ของเพชรบูรณ์ สถานที่น่าสนใจบนเขาค้อได้แก่ อนุสาวรีย์จีนฮ่อ ฐานอิทธิเจดีย์ พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ หอสมุดนานาชาติเขาค้อ พระตำหนักเขาค้อ น้ำตกศรีดิษฐ์ สวนสัตว์เปิดเขาค้อ และเนินมหัศจรรย์ หมู่บ้านคุ้มจุดชมวิวกิ่วลม หมู่บ้านนอแล และหมู่บ้านขอบด้ง หมู่บ้านหลวง

อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของแม่น้ำหลายสาย สถานที่น่าสนใจ ในเขตอุทยาน ฯ ได้แก่ ทุ่งหญ้ากงวัง ถ้ำผาหงษ์ สวนสนบ้านแปก สวนสนภูกุ่มข้าว น้ำตกซำผักคาว น้ำตกทรายแก้ว น้ำตกทรายเงิน น้ำตกเหวทราย น้ำตกทรายทอง ภูผาจิต หนองปลาไหล หนองน้ำขุ่น น้ำตกตาดพรานบา ผาล้อม ผากอง ถ้ำใหญ่น้ำ
4. อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง
ด้วยสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี มีเทือกเขาและภูเขาสูง สลับซับซ้อน ครอบคลุมอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ภูเขาที่สูงที่สุด คือ ดอยช้าง เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีลำห้วยน้อยใหญ่มากมาย ฤดูหนาวอากาศเย็น ลมแรง

5. ภูชี้ฟ้า-ผาตั้ง จ.เชียงราย
ภูชี้ฟ้า เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นอีกแห่งหนึ่ง มีลักษณะเป็นยอดเขาที่แหลมชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า ยิ่งตอนที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นมาตรงระหว่างปลายยอดเขา จะดูเหมือน เสือคาบแก้วมาก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,628 เมตร ส่วนของหน้าผาเป็นแนวยาวยื่นไปทางฝั่งประเทศลาว

ดอยผาตั้ง อยู่บนเทือกดอยผาหม่น เป็นจุดชมวิวสองฝั่งโขง ไทย-ลาว และทะเลหมอก บนดอยมีหมู่บ้านชาวจีนฮ่อ ม้ง และเย้า โดยเฉพาะ ชาวจีนฮ่อนั้น อดีตเคยเป็น ส่วนหนึ่งของกองพล 93 ซึ่งอพยพเข้ามา ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ดอยผาตั้งนี้ ปัจจุบันประกอบอาชีพทางการเกษตร ปลูกพืชเมืองหนาว เช่น บ๊วย ท้อ สาลี่ แอปเปิ้ล
6. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่ง ของเมืองไทย เพราะมีสภาพธรรมชาติสมบูรณ์ประกอบด้วยระบบนิเวศและ ภูมิประเทศหลากหลาย ทั้งทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดิบ น้ำตกและ หน้าผาชมทิวทัศน์ ลักษณะเด่นของอุทยาน ฯ แห่งนี้คือเป็นภูเขาหินทราย ยอดตัด เป็นที่ราบขนาดใหญ่คล้ายใบบอนหรือรูปหัวใจ มีเนื้อที่ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร มีความสูง 400-1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง จุดท่องเที่ยวประทับใจได้แก่ ผานกแอ่น ผาหล่มสัก ผาหมากดูด น้ำตกเพ็ญพบ น้ำตกถ้ำสอเหนือ-ใต้ สระอโนดาด เป็นต้น


7. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัดคือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ไร่ภูหินร่องกล้ามียอดเขาสูง 1,617 เมตร มีทิวทัศน์สวยงาม ปกคลุมด้วยป่าเต็งรังป่าดิบเขา และป่าสนเขา มีสนสองใบและสนสามใบ ขึ้นปะปนกัน และพบกล้วยไม้ดอกไม้ป่าหลายชนิดขึ้นอยู่ตามลานหิน เคยเป็นศูนย์กลางที่ตั้งฐานที่มั่นการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ใหญ่ และสำคัญที่สุดของภาคเหนือ จุดที่น่าสนใจ ลานหินปุ่ม ลานหินแตก น้ำตกหมันแดง เป็นต้น


8. ทุ่งบัวตองดอยแม่อูคอ – ดอยแม่เหาะ จ.แม่ฮ่องสอน
ดอยแม่อูคอ เป็นทุ่งดอกบัวตองที่มีพื้นที่ครอบคลุมเป็นเขากว้าง ประมาณ 1 พันไร่ ดอกบัวตองที่นี่เมื่อบานพร้อม ๆ กันในช่วงเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม จะเหลืองอร่ามปกคลุมทั่วทั้งภูเขา ดอยแม่เหาะ อยู่ริมทางหลวงหมายเลข 10-8 ตรงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 84 เขตตำบลแม่เหาะ เป็นที่ตั้งของศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัดแม่ฮ่องสอน บริเวณนี้ มีภูมิประเทศที่งดงาม มีชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง อยู่เป็นส่วนมาก ในเดือนพฤศจิกายน ถึงธันวาคม ของทุกปี ดอกบัวตอง หรือทานตะวันป่า จะบานสะพรั่ง ไปทั่วหุบเขา สวยงามมากทีเดียว

9. อุทยานแห่งชาติภูเรือ
เป็นภูเขาสูงใหญ่ บนยอดเขาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ มีต้นสนขึ้นสลับซับซ้อน มีลักษณะแปลกคือ มีส่วนหนึ่งเป็นผา ชะโงกยื่นออกมาเหมือน หัวเรือสำเภาใหญ่ อุทยานแห่งชาติภูเรือ จุดที่น่าสนใจบนอุทยานได้แก่ ผาโหล่นน้อย ภูผาสาด และทะเลภูเขา ผาซับทอง หรือ ผากุหลาบขาว เป็นหน้าผาสูงชัน และแหล่งน้ำซับที่มีพืชน้ำไลเคนสีเหลืองคล้ายสีทอง ขึ้นเต็มไปทั่ว น้ำตกห้วยไผ่ เป็นน้ำตกที่ไหลจากหน้าผาสูงชัน ยอดภูเรือ เป็นจุดสูงสุดในอุทยานฯ สามารถมองเห็น แม่น้ำเหืองและแม่น้ำโขงที่กั้นพรมแดนระหว่างไทย-ลาว

10. อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
สภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงที่ป่าปกคลุมอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี การเดินทางขึ้นดอยค่อนข้างลำบาก แต่เมื่อขึ้นไปถึงแล้วจะพบดอกไม้ป่า พันธุ์ต่าง ๆ เช่น ดอกหงอนนาค ดอกไม้ดินต่าง ๆ สวยงามมาก แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่น้ำตกภูสอยดาว และลานสน

จริงๆ แล้วยังมีอีกหลายที่ ซึ่งมีความสวยงามและเป็นแหล่งนิยม ไม่แพ้ 10 อันดับข้างต้นที่กล่าวมาเลย ก่อนเดินทางต้องไม่ลืมดูแลสุขภาพของเพื่อน ๆ ก็จะเป็นการดีนะ เพราะอากาศในบ้านเรามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา…